logo
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับสถาบัน
    • ความเป็นมา
    • ผลงานที่ผ่านมา
    • โครงสร้างสถาบัน
  • กิจกรรมสถาบัน
    • กิจกรรมในยุคแรก
    • กิจกรรมปี 2549
    • กิจกรรมปี 2550
    • กิจกรรมปี 2551
    • กิจกรรมปี 2552
    • กิจกรรมปี 2553
    • กิจกรรมช่วง 2556 - 2560
    • กิจกรรมปี 2561
    • กิจกรรมปี 2562
    • กิจกรรมปี 2563
    • กิจกรรมปี 2564
    • กิจกรรมปี 2565
    • กิจกรรมปี 2566
    • กิจกรรมปี 2567
  • ข่าวสารและการอบรม
    • หลักสูตรการสื่อสารมวลชนระดับต้น (กสต.)
    • หลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับกลาง (บสก.)
    • หลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง (บสส.)
    • หลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูงด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บยสส.)
    • หลักสูตรพัฒนาผู้ผลิตรายการสำหรับกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (The Producer)
  • ข่าวเผยแพร่
  • คลังรูปภาพ
  • ดาวน์โหลด
  • แผนผังเว็บไซต์
  • ติดต่อ
logo
  • Home
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • สื่อสารอย่างไร ให้โรงเรียนรัฐกล้าปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน

สื่อสารอย่างไร ให้โรงเรียนรัฐกล้าปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน

  • Share
  • Tweet
  • Share
  • Email
Tags
บสก.10 | การอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนกลางด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ระดับ (บสก.) รุ่นที่ 10 | สถาบันอิศรา
Created
Wednesday, 11 May 2022

พงศทัศ อบสก.10

เขียนโดย : นายพงศ์ทัศ วนิชนันท์ ทีดีอาร์ไอ

ปัญหาที่พบทำให้เกิดการตั้งคําถามกับรูปแบบการสื่อสารของฝ่ายนโยบาย เพราะที่ผ่านมานอกจากทำให้โรงเรียนไม่สามารถบริหารความเป็นอิสระได้เต็มที่ตามเจตนารมณ์ของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา แต่ยังเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุอีกด้วย

หมายเหตุ – บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานเฉพาะบุคคลเรื่อง “บทเรียนจากพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จะสื่อสารอย่างไรให้โรงเรียนรัฐกล้าปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน” ในการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับกลางด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บสก.) รุ่นที่ 10 สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย

“การเรียนการสอนในห้องเรียนไทยจำเป็นต้องเปลี่ยน เพื่อสร้างเด็กที่มีทักษะแห่งอนาคต” เป็นสิ่งที่สิ่งที่สังคมเห็นพ้องต้องกัน และหลายภาคส่วนพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาขึ้น ทั้งภาครัฐที่มีการปรับโครงสร้างตลอดจนองค์ประกอบต่าง ๆ ในระบบการศึกษามาโดยตลอด และภาคเอกชนที่เข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษามากขึ้น อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยังไม่น่าพอใจ เห็นได้จากผลทดสอบจาก โครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programme for. International Student Assessment หรือ PISA) แสดงให้เห็นว่าเด็กไทยอายุ 15 ปี มากกว่าครึ่งหนึ่งไม่สามารถใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มาใช้แก้ปัญหาอย่างง่ายในชีวิตประจำวันได้ และเด็กในครอบครัวยากจนและเด็กในโรงเรียนประจำหมู่บ้านมีทักษะการอ่านด้อยกว่ากลุ่มที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีหรือมีโอกาสเรียนเมือง 2.3 ถึง 3 ปีการศึกษา ภาพเหล่านี้สะท้อนให้เห็นปัญหาทั้งในด้านคุณภาพและความเหลื่อมล้ำชัดเจน และช่องว่างระหว่างสิ่งที่อยากให้เป็นกับสิ่งที่เป็นอยู่

หากเปลี่ยนมุมมองจากภาพใหญ่มาดูหน้างานจริง การปรับโครงสร้างในระบบการศึกษาหรือเปลี่ยนองค์ประกอบ อาทิ กฎระเบียบต่าง ๆ อาจไม่เพียงพอให้เกิดการเรียนการสอนแบบใหม่ ๆ แต่จำเป็นต้องมี “การสื่อสารที่ดี” เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกล้าทำและเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ อีกด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นความท้าทายในการเปลี่ยนการสอนในห้องเรียนอย่างชันเจน จากการติดตามการดำเนินงานของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาอย่างใกล้ชิดทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ ผู้เขียนได้พบว่า หลายครั้งที่ฝ่ายนโยบายออกประกาศเพื่อผ่อนคลายกฎระเบียบแล้ว แต่โรงเรียนนำร่องส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติตามแนวทางเดิมอยู่ เช่น ฝ่ายนโยบายออกประกาศให้โรงเรียนนําร่องสามารถนํางบประมาณที่ได้รับจัดสรรมาเลือกซื้อหนังสือเรียนนอกบัญชีที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กําหนดได้ แต่ในทางปฏิบัติกลับมีโรงเรียนนําร่องจำนวนมากยังคงซื้อหนังสือเรียนในรายการที่กําหนดอยู่ ซึ่งหนังสือเรียนเหล่านั้นถูกนํามาเก็บไว้ไม่ได้นําไปใช้สอนนักเรียน เพราะไม่ตรงกับแผนการ สอนแบบใหม่ของโรงเรียน เป็นต้น

สาเหตุที่โรงเรียนนำร่องไม่ซื้อหนังสือนอกบัญชี (สพฐ.) ที่ตนเองต้องการ เป็นเพราะโรงเรียนยังคงกลัวทำผิดระเบียบ แม้ฝ่ายนโยบายได้ออกประกาศแล้ว นอกจากนี้โรงเรียนบางแห่งเผชิญกับแรงต่อต้านจากพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีความกังวลว่า การเรียนการสอนแบบใหม่ที่เน้นให้เด็กเรียนรู้จากการลงมือทำ มากกว่าบอกสอนหน้าชั้นเรียนหรือเรียนตามหนังสือแบบเดิม จะทำให้บุตรหลานของตนด้อยในด้านวิชาการลง

ปัญหาที่พบทำให้เกิดการตั้งคําถามกับรูปแบบการสื่อสารของฝ่ายนโยบาย เพราะที่ผ่านมานอกจากทำให้โรงเรียนไม่สามารถบริหารความเป็นอิสระได้เต็มที่ตามเจตนารมณ์ของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา แต่ยังเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุอีกด้วย ยิ่งไปกว่านี้ ยังทำให้เห็นความสำคัญขององค์กรสื่อมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อระดับประเทศที่มีศักยภาพในการสนับสนุนฝ่ายนโยบายประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการผ่อนคลายกฎระเบียบเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ฝ่ายปฏิบัติงานในการริเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ และสร้างการรับรู้แก่ภาคประชาสังคมในพื้นที่ให้เข้าใจความจำเป็นที่ต้องปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน โดยใช้เนื้อหาที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน

บทเรียนที่เกิดขึ้นส่งสัญญาณให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้องค์กรสื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการสื่อสารมากขึ้น โดยผู้เขียนมี 3 ข้อเสนอในการปรับกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อให้เกิดการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนได้จริง ดังนี้

1. เร่งประสานองค์กรสื่อระดับประเทศเพื่อหารือถึงแนวทาง รูปแบบ และขอบเขตการทำงานร่วมกันทีไม่ก่อให้เกิดความกังวลของทั้งสองฝ่าย โดยเสนอให้องค์กรสื่อพิจารณาถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนการสื่อสารในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา รวมทั้งวางแผนการติดตามการดำเนินงานของโรงเรียนนำร่องเพื่อให้ได้มาซึ่งเนื้อหาการสื่อสารที่เป็น Win-Win Solution

2. มีการติดตามโดยประสานกับหน่วยงานระดับภูมิภาคให้ชี้เป้าโรงเรียนที่บริหารจัดการความเป็นอิสระได้ดี เช่น โรงเรียนที่เลือกซื้อหนังสือเรียนนอกบัญชี สพฐ. โรงเรียนที่สามารถปฏิเสธเข้าร่วมโครงการที่ได้รับมอบหมาย หรือโรงเรียนที่มีแนวทางการประเมินวิทยฐานะครูแบบใหม่ที่น่าสนใจ เป็นต้น เพื่อให้ได้เนื้อหาตามแนวทางที่วางแผนไว้

3. ประเมินผลการสื่อสารเพื่อให้มีตัวอย่างการสื่อสารที่ดีสำหรับเป็นต้นแบบการดำเนินการต่อ หรือแนวทางการพัฒนาการสื่อสารจากอุปสรรคที่พบ พร้อมนำบทเรียนที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับองค์กรสื่ออย่างสม่ำเสมอ

สำหรับองค์กรสื่อ การทำข่าวการศึกษามีความท้าทายเพราะมีเนื้อหาลึกและซับซ้อน อาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ รวมทั้งมีความน่าสนใจน้อยกว่าประเด็นที่สังคมกำลังพูดถึงในวงกว้าง แต่ผู้เขียนเชื่อในมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนไทยว่ามีความสามารถในการสื่อสารให้บรรลุวัตถุประสงค์ทั้งในเรื่องรายได้ขององค์กร กับสร้างการเปลี่ยนแปลงทางบวกแก่สังคมไปได้พร้อม ๆ กัน

  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับสถาบัน
  • กิจกรรมสถาบัน
  • ข่าวสารและการอบรม
  • ข่าวเผยแพร่
  • คลังรูปภาพ
  • ดาวน์โหลด
  • แผนผังเว็บไซต์
  • ติดต่อ

ISRA Institute Thai Press Development Foundation
สำนักงาน : เลขที่ 538/1 ถนนสามเสน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
Copyright (C) 2015  www.isra.or.th  All rights reserved.
telephone 0-2241-3905  fax  0-2241-3906

Implemented Website by ColorPack Creations Co., Ltd.
GO TO TOP
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับสถาบัน
    • ความเป็นมา
    • ผลงานที่ผ่านมา
    • โครงสร้างสถาบัน
  • กิจกรรมสถาบัน
    • กิจกรรมในยุคแรก
    • กิจกรรมปี 2549
    • กิจกรรมปี 2550
    • กิจกรรมปี 2551
    • กิจกรรมปี 2552
    • กิจกรรมปี 2553
    • กิจกรรมช่วง 2556 - 2560
    • กิจกรรมปี 2561
    • กิจกรรมปี 2562
    • กิจกรรมปี 2563
    • กิจกรรมปี 2564
    • กิจกรรมปี 2565
    • กิจกรรมปี 2566
    • กิจกรรมปี 2567
  • ข่าวสารและการอบรม
    • หลักสูตรการสื่อสารมวลชนระดับต้น (กสต.)
    • หลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับกลาง (บสก.)
    • หลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง (บสส.)
    • หลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูงด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บยสส.)
    • หลักสูตรพัฒนาผู้ผลิตรายการสำหรับกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (The Producer)
  • ข่าวเผยแพร่
  • คลังรูปภาพ
  • ดาวน์โหลด
  • แผนผังเว็บไซต์
  • ติดต่อ